แม้ว่า Death Note ในเวอร์ชัน Netflix จะฉายให้ดูมานานตั้งแต่ปี 2017 แต่ด้วยกระแสและเสียงวิพากษ์วิจารณ์ไปในด้านลบ มีการเอาไปเปรียบเทียบกับผลงานเวอร์ชั่นของญี่ปุ่น ทำให้เรากด skip ข้าม Death Note เวอร์ชันนี้ไปอย่างน่าเสียดาย แต่วันดีคืนดีที่ผ่านมา ก็อาจจะทำให้แฟนหนังอาจจะลองอยากกลับไปชมสักหน่อยว่าหนังเรื่องนี้มันแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ ? แต่พอตัดสนใจได้ลองเข้าไปรับชมก็พบว่าจริงๆแล้ว Death Note เวอร์ชั่น Netflix ก็พอจะรับชมได้ ไม่ได้แย่จนอยากจะอ้วกขนาดนั้น โดยวันนี้ Ghost of Thailand จะมาแนะนำให้คนอื่นได้รู้จักกัน
Death Note อีกหนึ่งหนังสืบสวนระดับตำนานที่ใครก็รู้จัก
ย้อนกลับไปในช่วงหลายปีก่อนหน้า Death Note จัดว่าเป็นหนังที่สร้างความทรงจำที่สุดยอด ไม่ว่าจะเป็นทั้ง การออกแบบตัวละครที่น่าจดจำ “ไลท์” พระเอกอัจฉริยะ ฉลาดเป็นกรด “แอล” คู่ปรับที่สุขุมกับขนมหวานของเขา รวมถึงตัวละคร ยมทูตอย่าง ลูค สิ่งที่คุณจะได้ก็จะเป็นเรื่องของ การวัดเหลี่ยมกันระหว่างตัวละคร ที่ทำให้คนดูอย่างเราลุ้นแบบไม่ติดเบาะเลยทีเดียว จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย ที่การมาของหนังภาคนี้จะเป็นสิ่งที่แฟนๆหลายคนคาดหวังเสียเหลือเกิน
ชีวิตของ ไลท์ เทอร์เนอร์ (แนต วูลฟ์) ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปหลังได้รับ เดธ โน๊ต สมุดโน๊ตมรณะที่เพียงเขียนชื่อเหยื่อขณะเห็นหน้า พญายมอย่าง รุค (วิลเลม เดโฟ)ก็ปลิดวิญญาณได้ทันที เขาและ มีอา ซัตตัน (มาร์กาเร็ต ควาลีย์) จึงใช้โอกาสนี้พิพากษาเหล่าอาชญากรทั่วโลกจนมีสาวกขนานนามไลท์ว่า คิระ แต่หลังมีคนตายไม่ทราบสาเหตุเพิ่มมากขึ้น ทางเอฟบีไอจึงต้องขอพึ่งนักสืบชื่อดังนาม แอล (ลาคีธ สแตนฟิลด์) ที่พุ่งเป้ามาที่ ไลท์ ในฐานะผู้ต้องสงสัย แม้จะต้องงัดข้อกับ เจมส์ เทอร์เนอร์ (ชีอา วิกแฮม) ตำรวจตงฉินพ่อของไลท์ก็ตาม สุดท้ายแล้วเส้นทางของสมุดมรณะเล่มนี้มันจะนำพาอะไรมาสู่เรื่องราวทั้งหมด ก็ต้องลองไปรับชมกัน
Death Note จาก ผลงานสุดสร้างสรรค์บนหน้ากระดาษ สู่หนังฮอลลีวูดรีเมค
ก่อนจะโด่งดังไปทั่วโลกกับหนังไลฟ์แอ็คชั่น Death Note เคยเป็นมังงะชื่อดังของญี่ปุ่นที่ไม่ว่าใครก็ต้องรู้จักเขียนโดย สึงุมิ โอบะ และได้ ทาเคชิ โอบาตะ วาดภาพ ด้วยความโด่งดังของมังงะทำให้เกิดการดัดแปลงเป็นสื่ออื่นทั้ง อนิเมะซีรีส์ เกม หรือแม้แต่หนังไลฟ์แอ็คชั่นก็มีการสร้างในฉบับหนังไลฟ์แอ็คชั่นญี่ปุ่นถึง 7 เรื่องได้แก่ Death Note (2006) Death Note 2: The Last Name(2006) L: Change the World(2008) Death Note(2015) เป็น ทีวีซีรีส์ Death Note: The Musical(2015) Death Note: New Generation(2016) ในรูปแบบ มินิซีรีส์ Death Note: Light Up the New World(2016)
และสำหรับการดัดแปลงเป็นหนังอเมริกันก็มีการวางแผนเป็นเวลานาน เพราะการจะนำแฟรนไชส์ที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว มารังสรรค์ใหม่ ไม่ใช่เรื่องที่อยากจะทำก็จะทำได้ง่ายและทำได้ทันที ตั้งแต่การติดต่อเชน แบล็ค (Shane Black)ผู้ให้กำเนิดหนังชุด Lethal Weapon หรือ ริกส์ คนมหากาฬ เป็นผู้กำกับแต่ก็ไม่มีความคืบหน้า จนกระทั่ง เน็ตฟลิกซ์ เข้ามาดูแลโปรเจคต์ โดยมีอดัม วิงการ์ด ผู้กำกับหนังสยองขวัญเลือดใหม่ที่มีงานเด่นอย่าง You’re Next (2011)และ V/H/S (2012,2013) ทั้งสองภาคมากุมบังเหียนโปรเจคต์ เดธโน๊ต ฉบับอเมริกันนี้ เรียกได้ว่าเป็นงานใหญ่สุดกดดันที่พวกเขาต้องแบกรับ ความคาดหวังจากแฟนๆทั่วโลกอย่างหนักเลยก็ว่าได้