เราต่างคุ้นเคยกับประโยค ‘บ้านคือวิมานคือสถานที่ปลอดภัยของเรา มันไม่มีที่ไหนจะอบอุ่นเท่าที่บ้าน’ เป็นการเปรียบที่อยู่อาศัยของมนุษย์เข้ากับที่อยู่ของเหล่าทวยเทพ เป็นการสะท้อนเปรียบเทียบภาพครอบครัวในอุดมคติอันแสนอบอุ่นสุขสันต์ แต่ภาพดังกล่าวนั้นแสนห่างไกลจากครอบครัวในหนังสยองขวัญแห่งปีอย่าง Hereditary เสียเหลือเกิน เพราะสำหรับที่นี้คำว่าครอบครัวมันซ้ำซ้อนกว่าที่เราจินตนการไว้อย่างแน่นอน ถ้าหากคุณอยากรู้จังหนังเรื่องนี้มากขึ้น วันนี้ Ghost of Thailand จะมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันครับ กับหนึ่งในหนังสยองขวัญที่ขึ้นชื่อว่าเป็นเบอร์ต้นๆตลอดกาล
Hereditary จะเป็นเรื่องราวของครอบครัวต้องสาป
เรื่องราวของหนังพาคนดูไปติดตามชะตากรรมของครอบครัวของแอนนี่ (โทนี คอลเล็ตต์) หลังแม่วัยชรานิสัยพิลึกของเธอที่มีความสัมพันธ์บาดหมางกันมาตลอดได้เสียชีวิตลง ไม่นานนัก เหตุการณ์ประหลาดชวนหลอนก็บังเกิดขึ้นกับครอบครัวของเธอ และค่อยๆ ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น แอนนี่ต้องประคับประคองจิตใจของตัวเองกับครอบครัว ไม่ว่าจะเป็นสตีฟ ผู้เป็นสามี (แกเบรียล เบิร์น) ปีเตอร์ ลูกชายคนโต (อเล็กซ์ วูล์ฟฟ์) และชาร์ลี (มิลลี แชปิโร) ลูกสาวผู้แปลกแยกที่ติดยายมากกว่าคนอื่น ในขณะที่ความลับดำมืดของครอบครัวเริ่มผุดพรายขึ้นมาว่าแท้จริงแล้วครอบครัวของพวกเขา เหมือนจะต้องสาป ทำให้ครอบครัวแสนอบอุ่นต้องพบเจอเรื่องราวที่ไม่ได้ต่างจากนรกบนดินแม้แต่น้อย
เน้นสร้างบรรยกาศสยดสยอง ไม่จำเป็นต้องมีฉากผี
ผลงานหนังยาวเรื่องแรกของ แอรี แอสเตอร์ (Ari Aster) หลังจากที่ถ่ายทอดประสบการณ์สยองขวัญผ่านเรื่องราวหนังสั้นมาแล้ว เรื่องนี้ชวนให้นึกถึงหนังสยองขวัญยุคหลังๆ อย่าง The Witch (2015), It Comes At Night (2017) หรือ Get Out (2017) ที่ต่างประสบความสำเร็จในการสร้างความสะพรึงได้อย่างชาญฉลาดและไม่พึ่งพาอยู่แต่กับจังหวะตุ้งแช่แบบที่หนังสยองขวัญกระแสหลักชอบทำ เช่นนี้ความสยองของหนังจึงขยับขยายจากเรื่องของผีหรือพลังเหนือธรรมชาติ ไปสู่ปริมณฑลอื่นๆ ได้อย่างแนบเนียน แม้ในหนังจะมีผีหรือไม่มีก็ตาม แต่ก็ทำให้คนดูอย่างเราๆรู้สึกกดดันกับบรรยากาศได้
ความน่ากลัวของ Hereditary จึงไปอยู่กับสถานการณ์กดดันที่คาดเดาไม่ได้มากกว่าจะเป็นเรื่องลี้ลับ คำสาปที่ไม่สามารถหาเหตุและผลได้ รวมไปถึงความสยองขวัญที่เกิดขึ้นกับร่างกายอย่างภาพนกหัวขาด มดขึ้นศพ หรือการทุ่มหน้ากระแทกโต๊ะจนเลือดโชก แอสเตอร์ทำให้แทบทุกฉากของหนังคลุ้งเคล้าไปด้วยมวลสารของความชั่วร้าย ผ่านการคุมจังหวะการเล่าเรื่องที่แม่นยำ ที่สำคัญยังไม่ได้รู้สึกว่ามันยัดเยียดจนเกินไป การเล่าเรื่องจัดว่ามีชั้นเชิง การจัดองค์ประกอบภาพที่เล่นกับการย่อ-ขยายส่วน ภาพตื้น-ลึก และการเล่นกับแสง-เงาได้ลงตัว ได้อย่างน่าประทับใจ เหนือสิ่งอื่นใด หนังเผยให้เห็นความสยดสยองของสิ่งที่เราคุ้นเคยดีที่เรียกว่า ‘ครอบครัว’ จนอาจเหมาะสมกว่าหากเปรียบครอบครัวในหนังเรื่องนี้เสียใหม่ว่า ‘บ้านคือนรกของเรา’
สุดท้ายแล้วสไตล์การเล่าเรื่องของ Hereditary จัดเป็นหนังสยองขวัญที่ให้อารมณ์แตกต่างจากที่คุ้นเคยกัน ไม่มีผี ไม่มีฉากแหวะ ไม่มีฉากตุ้งแช่ เน้นฉากลุ้นสยองมาไม่ถี่นัก แต่ทุกการมาก็คือใส่กันตรงๆไม่ต้องอ้อมค้อมอะไร ที่มาจัดหนักและได้ผล อยากให้สัมผัสประสบการณ์เสียง “เต๊าะปาก” ที่ผวากันทั้งโรงครับ นี่คือตัวอย่างที่ชัดเจนของการเล่นน้อยได้มาก ที่ผู้กำกับอารี แอสเตอร์ทำได้สำเร็จ
หนังไม่เดินเรื่องตามสูตรสำเร็จ คาดเดาทิศทางหนังไม่ได้ จะเดาอะไรก็ใช้ว่าถูกไ อารมณ์หนังทวีขึ้นตามคลามลับของคุณยายเอลเลนที่ค่อย ๆ คลี่คลายออกมา และไปพีคสุดในไคลแมกซ์สุดท้าย ที่ต้องยกให้เป็นฉากที่ลุ้นสุดในประวัติศาสตร์หนังสยองขวัญกันเลยทีเดียว เป็นหนังอีกเรื่องที่ตัวอย่างหนัง “ไม่ดึงดูด” นัก แต่พอได้มารับชมจริง ก็แอบเสียดายแทนคนที่ยังไม่ได้ดู ถ้าหากวันนี้คุณพอมีเวลา ก็ขอแนะนำให้ได้ลองรับชมกันครับ
ดูหนังออนไลน์เรื่อง Hereditary กรรมพันธุ์นรก (2018) เต็มเรื่อง