จัดว่าเป็นสูตรสำเร็จของหนังผีในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเลยก็ว่าได้ กับการเอาไอเดียจากหนังสั้นมาต่อยอดกลายเป็นหนังที่เนื้อเรื่องถูกขยายความให้มากขึ้น โดย Polaroid ก็ได้ เดินตามแนวทางเดียวกับ Light Out หนังสยองขวัญปี 2016 ที่หยิบเอาหนังสั้นชื่อเดียวกัน มาขยายเป็นหนังเรื่องยาวที่ได้ผู้กำกับหนังสั้นต้นฉบับตามมากำกับ แล้วหนังก็ประสบความสำเร็จและส่งให้ เดวิด เอฟ.แซนด์เบิร์ก
ได้โดดไปกำกับหนังทุนสูงอย่าง Shazam!และยังได้เสียงตอบรับที่ดีเช่นเคย แต่สำหรับ Polaroid เรื่องนี้ หยิบเอาหนังสั้นชื่อเดียวกันของ ลาร์ส เคลฟเบิร์ก ปี 2015 มาดัดแปลง แต่อย่างไรก็ตามมันก็มีข้อแตกต่างกันระหว่างทั้งสองเรื่อง ตัวหนังสั้นต้นฉบับก็ไม่ได้มีความน่ากลัวเลย แต่สิ่งที่ดึงดูดให้น่าเอามาสานต่อ ก็คงเป็นเรื่องของ สิ่งของที่ใกล้ตัวอย่างกล้องโพลาลอยด์ ซึ่งมันคงน่ากลัวไม่น้อยถ้าหากกล้องนั้นถ่ายใครก็ต้องตาย โดยวันนี้ Ghost of Thailand จะมาพาไปรู้จักกัน
บทภาพยนตร์ของ Polaroid เขียนโดย แบลร์ บัตเลอร์ ผู้กำกับที่มีผลงานในด้านการสร้างหนังสั้น รวมถึงทีวีซีรีส์ ปีที่แล้วก็มีหนัง Hell Fest ที่สามารถสร้างเสียงตอบรับได้อย่างดีจากแฟนๆ เช่นกัน พอต้องมาพยายามผูกเรื่องของเจ้ากล้องถ่ายรูปโพลารอยด์ที่ถ่ายแล้วได้ภาพทันทีนี้ หนังวางตัวสาวน้อย เบิร์ด ฟิตเชอร์ ให้เป็นตัวละครหลัก โดยนิสัยของตัวละครหลัก็จะมาเป็นแนว สาววัยรุ่นผู้รักการถ่ายรูป เธอทำงานพิเศษที่ร้านขายของเก่า วันหนึ่งเพื่อนชายในร้านได้นำกล้องโพลารอยด์เก่าแก่หายากตัวหนึ่งมาให้เธอ เธอดีใจมาก
เพราะกล้องที่ดูเก่า ก็จัดว่าเป็นของสะสมชั้นเยี่ยม เธอจึงไม่รอช้าที่เอามันติดตัวกลับไปด้วย เธอเริ่มถ่ายรูปด้วยกล้องตัวนี้ แต่เธอกลับพบว่า ผู้ที่ถูกถ่ายด้วยกล้องตัวนี้ จะมีเงาประหลาดรูปร่างคนปรากฏขึ้นในรูป และในไม่ช้าคนคนนั้นก็ต้องตายอย่างน่าสยดสยอง หลังจากที่คนคนนั้นตายไป เงาในรูปก็จะย้ายไปอยู่ในรูปถัดไป เพื่อเอาชีวิตเหยื่อรายต่อไปเป็นทอดๆ กลายเป็นคำสาปที่ทำให้ตัวเอกต้องสยดสยอง เธอต้องรีบหาวิธีหยุดยั้งสิ่งนี้ให้ได้ เพราะเธอได้ถ่ายรูปเพื่อนสนิททั้งหลายของเธอ รวมถึงตัวเธอเองไปแล้ว
ตัวหนังยังคงก้าวเดินตามสูตรสำเร็จหนังสยองขวัญไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิ่งของอาถรรพ์ คำสาปที่ตามล่าฆ่าคนเป็นทอดๆ และกลุ่มวัยรุ่นที่ต้องหาทางเอาชีวิตรอด ทำให้ผู้ชมหลายคนพอจะเดาเรื่องราวที่จะเกิดขึ้นในเรื่องได้พอประมาณ แต่ตัวหนังก็ยังมีจุดหักมุมที่ทำให้ผู้ชมประหลาดใจแบบมีเหตุมีผลไม่ใช่ใส่เข้ามามั่วๆ
สุดท้ายหนังก็หลุดพ้นตรรกะที่น่าจะเชื่อมโยงกันได้พอดี รวมไปถึงการเสริมพลังอำนาจให้ไอ้ผีตัวนี้เสียเวอร์วังเสียจนไม่รู้ว่าจะอธิบายที่มาของพลังเหล่านี้อย่างไร ก็เลยทิ้ง ๆ มันไปไม่พูดถึงที่มาดีกว่า อดีตของเบิร์ดที่ปูมาแต่แรกไว้น่าสนใจ ก็เฉลยมาในช่วงหลังเป็นโศกนาฏกรรมที่ฝังลึกในใจเธอและเป็นที่มาของรอยแผลบนคอ แต่กลายเป็นว่าทั้งรอยแผลและอดีตอันลึกลับของเธอก็ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเส้นเรื่องหลัก
แต่อย่างไรก็ตามก็มีจุดที่ขายได้อย่าง ชอบไอเดียการเล่นกับสิ่งผิดปกติในรูปถ่าย ไอ้รูปที่มีเงาประหลาดติดมาด้วย เหมือนเป็นการทำเครื่องหมายไว้ก่อนว่าจะเอาชีวิตคนในรูปนี้แล้วนะ พอตายเสร็จก็ย้ายไปรูปอื่น คิดในใจว่ามันอารมณ์คล้ายๆ Final Destination ที่รอดจากอุบัติเหตุครั้งใหญ่ แล้วความตายก็ตามมาเก็บเรียงตัวตามลำดับ แต่เปลี่ยนแก่นของเรื่องเป็นกล้องถ่ายรูป ที่ใครถูกถ่ายก่อนต้องตายก่อน
นี่คือหนังที่มีไอเดียเริ่มต้นน่าสนใจ แต่ขยายเกินไปจนไร้ตรรกะยากเกินจะอธิบายได้ ภาพลักษณ์ผีออกแบบมาดูไม่น่ากลัว แต่ก็มีฉากให้ตกใจเยอะมาก ไม่ได้ตกใจผีเลยนะ แต่หนังเล่นฉากตุ้งแช่ด้วยเสียง ตกใจเสียงดังเน้นสร้างความกดดันด้วยเสียงเป็นหลัก ไม่ได้ตกใจภาพเลย เรื่องราวเบื้องหลังที่มาของกล้องโยงมาดี หลอกคนดูพลิกไปพลิกมา แต่ตัวหนังก็ทำดีไซน์ด้านผีที่ออกแนวโอเวอร์เวอร์วังเกินไป
ที่สำคัญตัวหนังไม่ได้ใส่ฉากโหดๆมาให้ได้ลุ้น แบบ Final Destination นะ เรียกว่าไม่ได้เห็นเลยล่ะ ตัดฉาก เบนกล้องหนี ไม่ให้ดูเลย ขัดใจตรงนี้! คงกะว่าขายหนังให้ดูได้ทุกเพจทุกวัย ถึงจะไม่ขายฉากโหดๆ แต่เค้าขายตุ้งแช่นะ! จัดมาให้ซะเยอะด้วย โดยรวมแล้วถ้าหากคุณเป็นคนที่อยากเปลื่ยนบรรยากาศในการรับชมหนังสยองขวัญ เรื่องราวของ Polaroid ก็น่าสนใจไม่แพ้กัน
รับชม Polaroid โพลารอยด์ ถ่ายติดตาย (2019) ดูหนังสยองขวัญเต็มเรื่อง